การบ้านข้อใหญ่ของทั้ง 11 คนหนีไม่พ้นการพิสูจน์ตัวเองว่าจะทำให้สังคมยอมรับได้ว่าปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง
โดย..ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย
ในที่สุดประเทศไทยก็กำลังจะมีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)เพื่อเข้ามาทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรของประเทศเป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 5 ก.ย.หลังจากวุฒิสภาลงมติคัดเลือกได้เป็นที่เรียบร้อยแบบมาราธอนกว่า 7 ชั่วโมง
ถึงกระนั้น คะแนนที่ออกมามีจุดน่าสนใจที่สำคัญ คือ มีบุคคลที่ติดยศทางทหารเข้ามาทำหน้าที่กสทช.ถึง 5 คนและตำรวจอีก 1 คนจากทั้งหมด 11 คน ซึ่งคนมีสีที่ว่านี้ล้วนแล้วมีคอนเน็คชั่นระดับบิ๊กแทบทั้งสิ้นในการเป็นปัจจัยสำคัญของการเข้าสู่ตำแหน่งในครั้งนี้
พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี
เริ่มที่คนแรก พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี อายุ 64 ปี ประธานกรรมการบริหาร สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์กรมหาชน) กระทรวงกลาโหม เตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี อดีตผบ.ทอ.พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ อดีตผบ.ทร.และ พล.อ.พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง ส.ว.สรรหา คงไม่ต้องบอกนายทหารท่านนี้มีคอนเน็คชั่นขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม ด้วยคุณวุฒิทางการศึกษาถือว่าไม่ขี้เหร่แต่อย่างใดเพราะจบจากโรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศจากประเทศอังกฤษและเติบโตมาในสายทหารสื่อสารของทัพอากาศและกระทรวงกลาโหม ไม่ว่าจำเป็นตำแหน่งเสนธิการทหารอากาศในฐานะผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง ดังนั้น ด้วยคุณวุฒิและคอนเน็คชั่นระดับบิ๊กดังกล่าว อย่าได้แปลกว่าในเร็วๆนี้จะมีประธานกสทช.ชื่อ "พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี"
พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ อายุ 56 ปี ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดประทรวงกลาโหม เป็นเตรียมทหาร รุ่นที่ 14 เหล่าทหารราบร่วมรุ่นกับ พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 พล.อ.ชาตรี ทัตติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย อดีตเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ก่อนจะมาเป็นที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมเคยทำหน้าที่เป็นโฆษกของกระทรวงนี้ในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีควบรมว.กลาโหม
นอกจากนี้เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพเกี่ยวกับด้านการสื่อสารมาอย่างโชกโชนเช่นกัน อาทิ ผู้อำนวยการกองสารนิเทศ กรมกิจการพลเรือนทหารบก และอดีตหัวหน้าฝ่ายโทรทัศน์ดาวเทียม ททบ.5 รวมทั้งยังพกดีกรีปริญญาโทสาจาพัฒนาสังคม จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)และปริญญาเอกสังคมวิทยาและการพัฒนา มหาวิทยาลัยบีเลเฟลด์ โดยทุนรัฐบาลเยอรมันด้วย
พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร อายุ 59 ปีที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทย และอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมทหารรุ่น 9 ร่วมรุ่นกับนายทหารระดับบิ๊กๆเช่น พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผบ.ทบ.ซึ่งล่าสุดเป็นที่ปรึกษารมช.ศึกษาธิการ (นางบุญรื่น ศรีธเรศ) พล.อ.จงศักดิ์ พานิชกุล เป็นที่ปรึกษาพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม และ พล.อ.สุรพันธ์ พุ่มแก้ว อดีต จเรทหารทั่วไป รวมไปถึงพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.
ส่วนการศึกษานอกเหนือไปจากเรื่องวิชาทางทหารแล้วยังสำเร็จการศึกษา รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรเพื่อความมั่นคง มหาวิทยาลัยบูรพา ปริญญาบัตร หลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 44 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) อายุ 44 ปี ผ่านเข้ามาในตำแหน่งนี้อย่างบอบช้ำแม้ว่าได้คะแนนเสียงมาถึง 112 คะแนนก็ตาม แต่ที่ผ่านมาเจอข้อครหาอย่างหนัก คือ การอนุมัติงบประมาณ 84 ล้านบาทให้กับวุฒิสภาของกทช.ในโครงการอิ่มบุญระหว่างกระบวนการสรรหากสทช. ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการร้องเรียนไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบอยู่
สำหรับพ.อ.นที จบการศึกษาปริญญาตรี (BSEE) สาขา วิศวกรรมไฟฟ้า (เหรียญทอง) โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าปริญญาโท (MSEE) สาขา วิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสาร โทรคมนาคม University of south Florida ปริญญาเอก (Ph.D.) สาขา วิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสาร โทรคมนาคม University of south Florida และ หลักสูตร Director Certification Program รุ่น ๙๔/๒๐๐๗ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อายุ 45 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง นายทหารฝ่ายกิจการโทรคมนาคม สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กระทรวงกลาโหม จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสารโทรคมนาคม จากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (เกียรตินิยมเหรียญทอง) ปริญญาโทและเอก ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสารโทรคมนาคมจาก Georgia Institute of Technology และ State University System of Florida (Florida Atlantic University) ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยทุนกองทัพไทย จบการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบก ในระหว่างรับราชการในกองบัญชาการกองทัพไทยได้รับคัดเลือกจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรต่อต้านก่อการร้ายสากล (Counter Terrorism Fellowship Program) ที่ National Defense University, Washington D.C.
พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า อายุ 64 ปี อดีตผู้กำกับการ สภ.อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง เส้นทางสีกากีก่อนจะมาปิดชีวิตข้าราชการที่ขอนแก่นส่วนใหญ่ปักหลักอยู่ที่จ.หนองคาย เช่น ตำแหน่งสารวัตรสอบสวน และรองผู้กำกับการหัวหน้าสถานี สภ.อ.บุ่งคล้า มีผลงานสอบสวนดำเนินคดีผู้กระทำความผิดในการออกน.ส.3ก.โดยทุจริตในพื้นที่หนองคายรวม 395 คดี แต่มีความน่าสนใจตรงที่เคยเป็นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวของนายพินิจ จารุสมบัติ ในระหว่างดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ขณะที่ กสทช.ในสายของพลเรือนก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กันและส่วนมากก็เป็นไปตามโผบัญชีรายชื่อที่มีการคาดการณ์เช่นกัน โดยเฉพาะ 'สุทธิพล ทวีชัยการ' เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่น่าประหลาดใจแต่อย่างใดสำหรับเก้าอี้กสทช.ของเลขาฯกกต.วัย 51 ปีท่านนี้ เพราะได้แรงผลักดันสำคัญจากส.ว.สายสรรหาที่ต้องการให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้าไปทำหน้าที่นี้เพื่อไปคานอำนาจกสทช.สายกองทัพ ขณะที่ ยังได้คะแนนเสียงบางส่วนจากส.ว.เลือกตั้งด้วยจากความเกรงใจในฐานะกกต.เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับได้มาซึ่งตำแหน่งของสมาชิกวุฒิสภา
สุภิญญา กลางณรงค์ อายุ 38 ปี อดีตเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) เป็นที่รู้จักของสังคมเป็นอย่างดีตั้งแต่ปลายปี 2546 เมื่อบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน ฟ้องคดีหมิ่นประมาทในคดีอาญาและแพ่ง เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 400 ล้านบาท เนื่องจากการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, พรรคไทยรักไทย และ ชินคอร์ป ซึ่งศาลตัดสินยกฟ้องเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2549โดยเห็นว่าสุภิญญาให้สัมภาษณ์เพื่อประโยชน์สาธารณะในเวลาต่อมา
ว่าที่กสทช.สาวรายนี้มีแรงหนุนมาจากแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.ที่ต้องการเข้ามาให้ดำรงตำแหน่งเป็นอย่างมากโดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาส.ว.กลุ่มนี้ได้พยายามประสานกับส.ว.สายสรรหาและเลือกตั้งหลายกลุ่มอย่างหนักมาโดยตลอดจนสามารถเข้าป้ายมาในตำแหน่งนี้ได้เป็นผลสำเร็จ
ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา อายุ 46 ปี ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม สำนักงานกสทช. สังคมรู้จักว่าที่กสทช.รายนี้จากกรณีที่กล้าออกมาเปิดเผยว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพจนกระทั่งถูกบริษัททรูมูฟ จำกัด ยื่นฟ้องและเรียกค่าเสียหายจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่ม40ส.ว.โดยระหว่างกระบวนตรวจสอบประวัติของวุฒิสภานั้นประวิทย์เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่เจอกับขบวนการใต้ดินเป็นอย่างมากที่ต้องการสกัดไม่ให้เข้าสู่ตำแหน่งด้วยการยื่นเรื่องให้วุฒิสภาตรวจสอบประวัติคนนี้แบบละเอียด ซึ่งเมื่อมีการสืบที่มาที่ไปปรากฎว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลหรือมีมูลข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
9 ว่าที่กสทช.ดังกล่าวถือเป็นตามโผที่ได้มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้แต่มีอีก 2 คนที่เข้ามาในตำแหน่งนี้แบบเหนือความคาดหมายหรือที่เรียกว่า "ม้ามืด" ประกอบด้วย
ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ ผู้อำนวยกการศูนย์คอมพิวเตอร์ และอาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า โดยทั้งสองคนนี้สามารถเบียดสองตัวเต็งในสายเศรษฐศาสตร์ คือ จันทิมา สิริแสงทักษิณ อดีตที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสนเทศและการสื่อสาร กรมสรรพากร และ อุกฤษฎ์ ตู้จินดา คณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เมื่อดูจากที่มาที่ไปของว่าที่กสทช.แต่ละคนแล้วย่อมปฎิเสธไม่ได้ว่าล้วนมีคอนเน็คชั่นหนุนหลังอยู่ ทำให้นับจากนี้การบ้านข้อใหญ่ของทั้ง 11 คนหนีไม่พ้นการพิสูจน์ตัวเองว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้สังคมยอมรับว่าได้ทำหน้าทีเพื่อรับใช้และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
ที่ป