เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2557 ที่กองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฉันทวิชย์ รามสูตร รองผบช.น. ประชุมร่วมกับนายพีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กรณีการตรวจจับรถบรรเทาสาธารณะภัยที่ติดตั้งระบบไซเรนผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากถึงกรณีที่มีรถบรรเทาสาธารภัยผิดกฎหมายมีการติดสัญญาณไซเรนโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการขับขี่โดยประมาท ใช้ความเร็วสูงส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครที่เป็นลูกข่ายของมูลนิธิต่างๆ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพสินย์ของบุคคลอื่น รวมทั้งมีการเกิดเหตุการทะเลาะวิวาทกันระหว่างมูลนิธิจึงได้สั่งการให้บก.จร.ดำเนินการตรวจสอบจำนวนรถที่ถูกกฎหมายเพื่อแจ้งไปยังกองบังคับการตำรวจนครบาล(บก.น.)1-9ทั้ง 88 สน.เริ่มกวดขันกับรถที่ผิดกฎหมายตั้งแต่วัน ที่ 15 ธ.ค.2557 นี้เป็นต้นไปโดยก่อนวันที่ 15 ธ.ค.รถฉุกเฉินของมูลนิธิที่ยังไม่ได้เข้าระบบจะต้องหยุดวิ่ง หากพบผู้กระทำผิดจะมีการจับกุมและยึดสัญญาณไฟ ทั้งนี้การติดตั้งสัญญาณไซเรนโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิด ตามพรบ.จราจรทางบก 2522 มาตรา 43 ขับรถในทางเดินรถโดยมีการใช้สัญญาณไฟวับวาบโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับ 500 บาทและยึดอุปกรณ์ไฟวับวาบ แต่หากมีการติดตั้งและเปิดสัญญาณไฟจะมีโทษปรับ2,000 – 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้จะมีการประสานงานระหว่างรถฉุกเฉินและตำรวจจราจรในท้องที่ หากพบเห็นรถฉุกเฉินจะต้องเร่งอำนวยการจราจรให้ผ่านไปโดยเร็ว อย่างไรก็ตามรถฉุกเฉินหรือรถบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งการขออนุญาตติดไซเรนจะติดได้เฉพาะไฟสีน้ำเงินเท่านั้นและมีขั้นตอนโดยยื่นขอกับทางศูนย์เอราวัณกทม. เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น จากนั้นจึงส่งขออนุญาตกับบก.จร. และหนังสืออนุญาตมีอายุ3ปี
ด้านนายพีระพงษ์สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานครกล่าวว่าภายหลังจากการประชุมร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วทางศูนย์เอราวัณจะเร่งดำเนินการดำเนินการจัดทำสติ๊กเกอร์รีบรองโดยใช้สัญลักษณ์สตาร์ออฟไลต์เพื่อแสดงว่ารถฉุกเฉินที่มีสติกเกอร์เป็นรถที่อยู่ในระบบของศูนย์เอราวัณปัจจุบันมีรถฉุกเฉินที่เข้าระบบอยู่ประมาณ160 คันและมีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการสอบปฐมพยาบาลเบื้องต้นประมาณ800 กว่าคนทั้งนี้ตนอยากขอความร่วมมือกับอาสาสมัครต่างๆให้เข้ามาดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนออกไปวิ่งบนท้องถนนซึ่งการบริหารจัดการในส่วนของรถฉุกเฉินที่จะได้รับสติกเกอร์นั้นจะต้องมีการนำรถเข้ามาตรวจสอบขั้นพื้นฐานเพื่อดูรายละเอียดว่ารถที่เข้าสู้ระบบมีเครื่องมือเบื้องต้นสำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่ผ่านการฝึกอบรมการช่วยเหลือเบื้องต้นหรือไม่จึงจะได้รับสติกเกอร์ซึ่งหลังจากผ่านการรับรองจากศูนย์เอราวัณแล้วจึงจะสามารถขอหนังสือใช้สัญญาณไฟจากบก.จร.ได้เพราะหากมีการขออนุญาตใช้ไซเรนท์แต่ยังไม่ผ่านการรับรองจากศูนย์เอราวัณจะถือว่าผิดพรบ.การแพทย์ฉุกเฉินอย่างไรก็ตามขณะนี้ศูนย์เอราวัณได้แบ่งเขตการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนออกเป็น 9โซนนอกจากนี้จะมีการทำระบบคิวอาร์โค๊ทควบคุมไปกับสติกเกอร์เพื่อตรวจสอบว่าเป็นสติกเกอร์หรือไม่ด้วยคาดว่าประมาณต้นปี2558จะสามารถดำเนินจัดทำสติกเกอร์พร้อมคิวอาร์โค๊ทได้.
-ภาพจาก บก02 / ข่าวเดลินิวส์