เอาแบบพูดเข้าใจง่ายๆนะครับ รายการของที่หายไปนี่สำคัญครับ ถ้าผู้ต้องหามีการปฎิเสธในบางรายการ ต้องนำสืบพยาน ให้รู้ก่อนว่า สิ่งของชิ้นนั้นคืออะไร ผู้เสียหายแสดงหลักฐานการครอบครองด้วยในทำนองว่ามีอยู่จริง และ ได้หายไปพร้อมกันจริง ไม่ได้กล่าวหาหรืออ้างเท็จ และ ต้องมีพยานหลักฐานว่าผู้ต้องหาได้เป็นผู้ขโมยไป เพื่อ ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และ อาจเป็นการโจรกรรมซ้ำซ้อนแอบแฝง ฯลฯ พนักงานสอบสวนเขาจะมีวิธีพิจรณาของเขาครับ ต้อง รอดูสำนวนว่าคืบหน้าไปทำนองไหน แล้วเราก็คอยสนับสนุนเรื่องพยานหลักฐานให้มากที่สุดครับ
พอนึกภาพออกนะครับ ว่า รูปแบบจะเป็นไปทำนองไหน ถ้าพิสูจน์ทราบไม่ได้ว่าเราเป็นผู้ครอบครองในสิ่งของชิ้นนั้นจริง หรือ ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าผู้ต้องหาได้เอาไปจริง อาจต้องเสียเปล่า
รูปการประมาณนี้ครับผม
เห็นด้วยครับ
ยิ่งคดีนี้ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้เยาว์ คดียิ่งมีความยุ่งยาก ต้องสอบสวนต่อหน้านักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ อัยการ
ถ้าการสอบสวนไม่ถูกต้องแล้ว ก็จะไม่สามารถส่งฟ้องศาลได้
พนักงานสอบสวนที่เป็นตำรวจ บางท่าน จึงไม่อยากทำคดีประเภทนี้
ที่สำคัญคือ ผู้เสียหายที่แท้จริงเป็นใคร ถ้าหาตัวผู้ที่เสียหายจริงๆไม่ได้ คดีก็จะดำเนินต่อไม่ได้