ข่าวโดยละเอียดครับ เป็นเรื่อง เป็นราว เป็นขั้น เป็นตอน อ่านจบแล้วเหมือนดูหนังบู๊เรื่องนึงเมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 14 ก.พ. เจ้าหน้าที่ห้องวิทยุ สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุชายชาวต่างชาติอายุราว 50 ปี ขว้างระเบิดใส่รถแท็กซี่ ภายในซอยปรีดี 31 ถนนสุขุมวิท 71 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา จึงรีบแจ้ง ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ สุขวัต รอง สวป. และ ส.ต.อ.พันธุ์ภูมิ รักกุศล ผบ.หมู่ปราบปราม ที่กำลังขับรถตราโล่ ทะเบียน ชผ 2039 กรุงเทพมหานคร ออกตรวจพื้นที่รีบไปตรวจสอบเหตุทันที
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ สวนกับชายชาวต่างชาติต้องสงสัย เดินอยู่บนฟุตบาทหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ขณะเดียวกัน มี จยย.ชับตามชายต้องสงสัยมา พอเห็นรถตำรวจรีบตะโกนบอกให้เจ้าหน้าที่จับกุมชายคนดังกล่าว ขณะที่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ สั่งการให้ลูกน้องจอดรถ ยังไม่ทันเปิดประตูลงไป ปรากฏว่าชายชาวต่างชาติ ลักษณะเป็นคนอาหรับ ได้ใช้มือล้วงเป้สะพายหลัง หยิบระเบิดออกมาพยายามขว้างใส่เจ้าหน้าที่ แต่ด้วยความรีบร้อน เลยทำให้ระเบิดหล่นใส่ขาของตัวเอง เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น แรงระเบิดทำให้กระจกหน้ารถยนต์สายตรวจแตกกระจาย รวมทั้งทำให้กระจกร้านนารายณ์พิซเซอเรีย ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแตกกระจายเช่นเดียวกัน เดชะบุญที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ส่วนคนร้าย พบว่านอนครวญครางจมกองเลือดอยู่ข้างตู้โทรศัพท์ พบว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่หัวเข่าทั้ง 2 ข้าง ตัดเส้นเอ็นถึงกระดูกขาซ้ายขาด แต่หนุ่มอาหรับคลั่งยังไม่สิ้นฤทธิ์ พยายามลุกขึ้นนั่งคว้าเศษกระจกจากตู้โทรศัพท์มาปาดคอฆ่าตัวตาย แต่เจ้าหน้าที่เข้าชาร์จไว้ได้ จึงรีบแจ้งให้มูลนิธิร่วมกตัญญูรับตัวส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ทันที
ขณะเดียวกัน พบกระเป๋าเป้คนร้ายตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจสอบเพราะเกรงว่าอาจมีระเบิด หรือวัตถุอันตรายซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเป้คนร้าย พร้อมสั่งการให้ปิดถนนสุขุมวิท 71 ทั้งเส้นเพื่อความปลอดภัยทันที ผลการตรวจสอบกระเป๋าต้องสงสัยของคนร้าย พบเพียงเสื้อผ้าและธนบัตรสหรัฐ 2800 ดอลล่าร์ ธนบัตรสกุลดีร์นาอิหร่านจำนวนมาก และเงินไทยอีก 8,500 บาท ไม่พบบัตรหรือพาร์สปอตว่าเป็นใครมาจากไหน มีเพียงใบเสร็จของโรงแรมท็อปไทย จ.ชลบุรี ระบุชื่อนายซาอิฟ โมราบิ สัญชาติอิหร่าน
พยานที่เห็นเหตุการณ์ ระบุว่าคนร้าย ได้มาเช่าบ้านเดี่ยวเลขที่ 66 ภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 31 อยู่กับเพื่อนรวม 3 คน นานประมาณ 1 เดือน ส่วนใหญ่แล้วจะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยออกมาข้างนอก และมีชายหญิงชาวต่างชาติคู่หนึ่ง คอยซื้ออาหารเข้าไปในบ้านอยู่เป็นประจำ
ก่อนเกิดเหตุ มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วยเสียงชาวต่างชาติตะโกนโหวกเหวก จากนั้นคนร้ายได้สะพายเป้วิ่งเดินออกมา 3 คน โดย 2 คนแรกโบกแท็กซี่สีเขียวเหลืองขึ้นรถหลบหนีไปก่อน ต่อมาคนร้ายที่คลั่งก่อเหตุเดินในสภาพโชกเลือดออกมาเกือบถึงหน้าปากซอย และเรียกแท็กซี่สีส้ม ทะเบียน ทร 1419 กรุงเทพมหานคร มีนาย สัญชัย บุญสูงเนิน 32 ปีเป็นคนขับ แต่ได้ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารและขับออกไป ทำให้หนุ่มใหญ่ชาวอาหรับเกิดคลุ้มคลั่ง ปาระเบิดใส่แท็กซี่จนเสียหาย ถูกสะเก็ดระเบิดจนพังยับเยิน โชคดีที่นายสัญชัยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จากนั้นคนร้ายได้เดินหลบหนีไปทางหน้าโรงเรียน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามขว้างระเบิดเข้าใส่ แต่เกิดพลาดระเบิดตกใส่ตัวเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีผู้ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย คือ นายกังวาน หอปราสาททอง 83 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าตาซ้าย นางจุฑาทิพย์ สัจจดำรงค์ อายุ 62 ปี มีอาการหูอื้อ และนายอภิชาต คำลือ อายุ 32 ปี ที่ขี่ จยย.วิ่งผ่านมา ถูกสะเก็ดตามตัวและมีอาการหูอื้อ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้เข้าตรวจสอบภายในบ้านเช่าคนร้าย พบระเบิดซีโฟร์ซุกซ่อนอยู่จำนวนหนึ่ง หน่วยอีโอดีได้เข้าเก็บกู้ในเบื้องต้น พบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้ มีส่วนประกอบของสารแอมโมเนียไนเตรต คล้ายคลึงกับสารตั้งต้นที่ตรวจยึดได้ที่ จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลว่าคดีนี้ มีส่วนเชื่อมโยงกับการก่อการร้ายหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่พบตัวชาวต่างชาติอีก 2 ราย ตามคำให้การพยานที่ระบุว่าอยู่ในบ้านหลังนี้ เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนจับกุมตัวต่อไป
ด้านนายสัจจะ คนตรง ผู้อำนวยการเขตวัฒนา กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่เกิดระเบิดบริเวณหน้าโรงเรียนเกษมพิทยาแล้ว จากเหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้บาดเจ็บ 5 คนรวมตัวคนร้าย ไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับบาดเจ็บ ทางเขตฯได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กันประชาชนออกจากพื้นที่โดยรอบที่เกิดเหตุระยะ 200 เมตร เนื่องจากเกรงว่าในกระเป๋าของชายต่างชาติที่อาจซุกซ่อนระเบิดอยู่ และเจ้าหน้าที่ด้ปิดการจราจรบนถนนสุขุมวิท 71ทั้ง 2 ฝั่ง สำหรับความเสียหาย มีตู้โทรศัพท์ที่ได้รับความเสียหาย 2 ตู้ ส่วนทรัพย์สินทางราชการส่วนอื่นไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ที่มาของข้อมูล เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/crime/12638