จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรประจำ จ.ลำปาง พบว่าบริเวณดังกล่าวมีกองขี้เลื่อยซึ่งเกิดจากการทำไม้เมื่อหลายสิบปีก่อน และขี้เลื่อยเหล่านี้ได้ถูกตะกอนที่พัดพามาช่วงน้ำหลากทับถม แล้วเกิดการหมักหมมจนได้ก๊าซมีเทน เมื่อมีให้ก๊าซรั่วแล้วสัมผัสประกายไฟจนลุกไหม้
จากการสำรวจและขุดเจาะของนักธรณีวิทยาพบว่าตะกอนดินดังกล่าวหน้า 20 เซนติเมตร ส่วนใต้ดินมีขี้เลื่อยหนา 1-2 เมตร และกินพื้นที่กว้าง 15-40 เมตร ซึ่งการรั่วของก๊าซมีเทนทำให้เกิดไฟไหม้อยู่ใต้ดินคล้ายกรณีไฟไหม้ในป่าพรุ และการฉีดน้ำดับไฟของเจ้าหน้าที่ก็ช่วยดับไฟได้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ เพลิงจะใช้เวลาเผาไหม้ประมาณ 1 อาทิตย์แล้วดับไป เพราะปริมาณขี้เลือยไม่ได้เยอะมาก
ส่วนกรณีอากาศร้อนจนแผ่นดินลุกเป็นไฟนั้นเป็นไปไม่ได้ และหากเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมักเกิดจากการมีเชื้อไฟร่วมด้วย นอกจากนี้เมืองไทยยังไม่มีภูเขาไฟที่
ครุ่กรุ่นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดแผ่นดินลุกไหม้เอง
ทราบเลยครับ
(ตามภาพที่ปรากฏ พื้นที่บริเวณนั้น ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินดิน และมีร่องรอยการจุดไฟเผาหญ้าด้วย )