หัวข้อ: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: HS4TTX ที่ 07 ตุลาคม 2011, 15:32:18 (http://www.khonkaenlink.info/share/thumb.php?id=3675_4E8EB8E9) (http://www.khonkaenlink.info/share/share.php?id=3675_4E8EB8E9)
แล้วพระท่านจะกล้าอยู่เหรอ ;D ;D หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: ลมหนาว.... ที่ 07 ตุลาคม 2011, 15:34:41 :) ใครจะอยู่อ่ะ...
หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: hs2uth ที่ 07 ตุลาคม 2011, 15:37:13 โอ้ยๆๆๆแล้วใครจะกล้าอยู่อะวัดนี้ วันดีคืนดี ทิ้งพระ กำ 5555
หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: sunny_pepo ที่ 07 ตุลาคม 2011, 15:39:21 อ.นี้ก็เรียกกันว่า อำเภอทิ้งพระครับ
สมมติถามว่าอยู่ไหน ก็ตอบว่าอยู่ทิ้งพระ มีจริงๆครับ หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: hs1yhj ที่ 07 ตุลาคม 2011, 15:43:57 วัดโกโลโกโส วัดชื่อนี้จะยังมี
หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: HS3JBX ที่ 07 ตุลาคม 2011, 16:10:07 เคยอ่านประวัติของอำเภอนี้มาแล้ว มีจริงครับ โดยคำว่า"สทิงพระ" เพี้ยนมาจากคำว่า"จะทิ้งพระ"
และสำเนียงของคนใต้จะออกเสียงเร็วๆว่า"ทิ้งพระ"และเป็นคำว่า"ทิงพระ" ก็คือชื่อสทิงพระนั่นเอง เหมือนคนอยุธยาเรียกวัดพนัญเชิงว่า"วัดเชิง"หรือคนพิษณุโลกเรียกวัดพระศรีรัตนมหาธาตุว่า "วัดใหญ่"นั่นแหละครับ หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: ksurachet ที่ 07 ตุลาคม 2011, 16:20:21 จัดไป ;D
(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/05/26/9aehfhaaii98fae5bc6ke.jpg) หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: HS3JBX ที่ 07 ตุลาคม 2011, 16:27:04 จัดไป ;D วัดโกโรโกโส เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่หลังโรงงานNMBอยุธยา(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/05/26/9aehfhaaii98fae5bc6ke.jpg) ใกล้เคียงวัดเขาดิน หรือเส้นที่จะไปวัดสะแก อ.อุทัย(วัดหลวงปู่ดู่) สภาพตอนนี้น้ำกำลัง ท่วมอย่างหนักไม่ต่างที่ที่อื่น หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: ksurachet ที่ 07 ตุลาคม 2011, 16:35:31 ดูจากภาพแล้วก็น่าจะท่วมแหละครับท่าน HS3JBX เพราะดูเหมือนว่าวัดจะอยู่ต่ำกว่าถนนไปมากอยู่ใช่ไหมครับ ;D
หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: !-!5xAM3 ที่ 07 ตุลาคม 2011, 16:35:41 ไม่ต้องตกใจครับ
แค่ "จะ" ยังไม่ได้ทิ้ง ;D ถ้าปฏิบัติตนดี ๆ ไม่ เอาเท้า เตะฟาด หน้า ฟาด หลัง ยกแข้ง ยกขา น่าเกลียด ก็ไม่ทิ้ง จ้ าาาาาาา หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: Junya340 ที่ 07 ตุลาคม 2011, 21:00:43 แบบนี้ก็มีด้วย
หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: MR.BOY ที่ 07 ตุลาคม 2011, 21:22:56 ภาษาไทยดินได้ "สทิ้งพระ" "จะทิ้งพระ" ลองเอาสำเนียงคนแต่ละภาคมาพูดดูแล้วเขียน จะรู้ว่าเขียนแตกต่างกันจริงๆ
เช่น ภาคกลาง "อร่อย" "อร่อยมาก" ภาคใต้ "หร่อย" "หร่อยจังหู้" ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: cdjoo8 ที่ 07 ตุลาคม 2011, 21:48:08 จัดไป ;D เคยเดินลัดทุ่งจากสวนโรจณะ ไปดูโขนพิชัยวิไลศิลป์(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/05/26/9aehfhaaii98fae5bc6ke.jpg) เมื่อปี38 ยังจำได้ หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: HS9ZVW ที่ 07 ตุลาคม 2011, 22:01:32 (http://www.khonkaenlink.info/share/thumb.php?id=3675_4E8EB8E9) (http://www.khonkaenlink.info/share/share.php?id=3675_4E8EB8E9) แล้วพระท่านจะกล้าอยู่เหรอ ;D ;D จะทิ้งพระพี่ ยังไม่ได้ทิ้งครับอยู่ใกล้บ้านผมเอง ;D หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: hs2tij ที่ 08 ตุลาคม 2011, 01:07:58 จัดไป ;D เคยเดินลัดทุ่งจากสวนโรจณะ ไปดูโขนพิชัยวิไลศิลป์(http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2011/05/26/9aehfhaaii98fae5bc6ke.jpg) เมื่อปี38 ยังจำได้ หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: ksurachet ที่ 08 ตุลาคม 2011, 01:54:38 จัดให้ครับ ;D
ตามประวัติการสร้างวัดเล่าสืบกันมาว่า มีชาวจีนสองคน คือ “อาโกโร” และ “อาโกโส” (คนจีนแต้จิ๋วจะเรียกพี่สาวหรือน้องสาวของพ่อ เรียกว่า อาโก) ซึ่งเป็นเพื่อนกันได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นโดยมิได้ตั้งชื่อเสียงเรียงนาม ชาวบ้านที่รู้ว่าท่านทั้งสองสร้างวัดจึงพากันเรียกว่า “วัดอาโกโรอาโกโส” ต่อมาทางการขนานนามให้ว่า “วัดคลังทอง” แต่ชาวบ้านก็ยังนิยมเรียกกันต่อมาว่า วัดอาโกโรอาโกโส ครั้นนานวันเข้าก็หายกลายเป็น “วัดโกโรโกโส” Link : http://www.komchadluek.net/detail/20110527/98663/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%88.%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88...%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81.html ผิดถูกอย่างไร จขพท.(เจ้าของพื้นที่) ชี้แนะด้วยครับ ;D หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: verachon ที่ 08 ตุลาคม 2011, 06:48:00 (http://www.khonkaenlink.info/share/thumb.php?id=3675_4E8EB8E9) (http://www.khonkaenlink.info/share/share.php?id=3675_4E8EB8E9) นิมนต์หลวงพ่อเกษมที่ดังจากยูทูปมาจำพรรษาได้ครับ คริๆๆแล้วพระท่านจะกล้าอยู่เหรอ ;D ;D หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: hs4plx ที่ 08 ตุลาคม 2011, 07:11:16 อย่างงี้ก้อมีด้วยคร๊าบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: hs2tij ที่ 08 ตุลาคม 2011, 10:20:48 จัดให้ครับ ;D ขอบคุณครับ อย่างนี้นี่เอง ;Dตามประวัติการสร้างวัดเล่าสืบกันมาว่า มีชาวจีนสองคน คือ “อาโกโร” และ “อาโกโส” (คนจีนแต้จิ๋วจะเรียกพี่สาวหรือน้องสาวของพ่อ เรียกว่า อาโก) ซึ่งเป็นเพื่อนกันได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นโดยมิได้ตั้งชื่อเสียงเรียงนาม ชาวบ้านที่รู้ว่าท่านทั้งสองสร้างวัดจึงพากันเรียกว่า “วัดอาโกโรอาโกโส” ต่อมาทางการขนานนามให้ว่า “วัดคลังทอง” แต่ชาวบ้านก็ยังนิยมเรียกกันต่อมาว่า วัดอาโกโรอาโกโส ครั้นนานวันเข้าก็หายกลายเป็น “วัดโกโรโกโส” Link : http://www.komchadluek.net/detail/20110527/98663/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%88.%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88...%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81.html ผิดถูกอย่างไร จขพท.(เจ้าของพื้นที่) ชี้แนะด้วยครับ ;D หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: E27 BZJ ที่ 08 ตุลาคม 2011, 11:29:35 มีจริงครับวัดนี้คนสงขลายืนยัน จริงๆประวัติมาจากจะทิ้งพระจริงๆ
ประวัติและตำนานวัดจะทิ้งพระ คำ ว่าจะทิ้งพระ กร่อนมาจากสทิงปุระ เมืองพาราณสี ซึ่งเป็นชื่อเมืองพัทลุงเก่าตั้งอยู่ ตั้งเมืองสทิงพระครั้งเมื่อกาลเวลาล่วงเลยมานับเป็นพันปี ชื่อสทิงปุระ จึงกร่อนมาเป็นจะทิ้งพระ สทิงพระเป็นชื่อสถานที่กลายเป็นชื่อวัด ชื่อตำบล และอำเภอ บนคาบสมุทรสทิงพระ วัดนี้แต่เดิมเคยมีชื่อเรียกว่าวัดพระมหาธาตุ มีมหาธาตุเจดีย์ตั้งอยู่สูงตระหง่าน ต่อมาเรียกชื่อว่า วัดจะทิ้งพระ จะทิ้งพระชื่อของวัดในปัจจุบันใกล้เคียงกับชื่อเมืองสทิงพระ(สทิงปุระ หรือสทิงพาราณสี) ซึ่งพระยากรงทองเจ้าเมืองพัทลุงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1482 ตรงกับสมัยกรุงสุโขทัย ดังข้อความตอนหนึ่งในหนังสือประชุมพงศาวดารภาค 15บันทึกไว้ว่า "เมืองพัทลุงได้ตั้งมาก่อนพ.ศ.1480 ตัวเมืองตั้งอยุ่ที่สทิงพระ เจ้าเมืองชื่อพระยากรงทองได้ครองเมืองพัทลุง ในวันพฤหัสบดี เดือน 8 ขึ้น 5 ค่ำ ปีกุน พุทธศักราช1482 พระยากรงทองได้สร้างพระมหาธาตุเจดีย์ และก่อพระเชตุพนวิหารขึ้น พร้อมกับวัดเขียนบางแก้ว และวัดสทิงปุระ ได้สร้างพระเจดีย์เอาไว้ที่นครปาตลีบุตร(เมืองพัทลุง)สทิงพารณสีแห่งนี้ เพราะแหล่งวัดเขียนบางแก้วและบนคาบสมุทรสทิงพระเป็นแหล่งชุมชนโบราณ นักโบราณคดีมีทัสนะแนวความคิดว่า ชื่อของวัดจะทิ้งพระนี้ คนในสมัยโบราณรับคำพูดเล่าต่อๆกันมาว่า เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลา และเจ้าฟ้าชายนนทกุมาร มาเป็นชื่อของสถานที่มี้รื่องนิทานชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมามาว่า เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมาร เป็นพระธิดาและพระโอรสของพระเจ้าโกสีหราชกับพระนางมหาเทวี ครองเมืองนครทันตะปุระ(ประเทศอินเดีย) ขณะนั้นเมืองทันตะปุระเกิดศึกสงครามพระเจ้าโกสีหราชแพ้สงครามถึงกับสวรรคตใน สนามรบ เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลา และเจ้าฟ้าชายทนทกุมาร จึงได้นำพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าหลบหนีออกจากเมืองทันตะปุระตามคำสั่งของ พระชนก ลงเรืองสำเภามุ่งสู่ประเทศศรีลังกา(เกาะลังกา)แล้วเดินทางผ่านหมู่เกาะอันดามันในมหาสมุทรอินเดีย เข้าสู่ช่องแคบมะละกา มาออกอ่าวไทย จุดมุ่งหมายเพื่อนำพระบรมธาตุไปบรรจุพระเจดีย์ที่เมืองนครศรีธรรมราชขณะนั้น ตามประวัติและตำนานพระมหาธาตุเจดีย์เมืองนครศรีธรรมราชสร้างพระธาตุเจดีย์ ประมาณ พ.ศ.850 เมื่อเดินทางมาถึงเมืองพาราณศรี(เมืองสทิงปุระเมืองพัทลุงเก่า)หาดมหาราชตรง หน้าที่ว่าการอำเภอสทิงพระปัจจุบัน เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมารเสด็จขึ้นมาพักผ่อนเพื่อหาน้ำจืด ดื่มและสรงน้ำ ทั้งสองพระองค์จึงเสด็จขึ้นมาพักผ่อน ณ วัดแห่งนี้ จึงวางพระธาตุไว้ที่ฐานเจดีย์แห่งนี้ พักผ่อนหายจากเหน็ดเหนื่อย ทรงเดินทางกลับขึ้นเรือสำเภาต่อไปยังเมืองนครศรีธรรมราช ทั้งสองก้ลืมพระธาตุ เจ้าฟ้าชายทนทกุมารตกพระทัยถามเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาว่าน้องทิ้งพระธาตุเสีย แล้วหรือ คำนี้เลยกลายเป็น ชื่อสถานที่ วัด ,บ้าน, สืบมาจนปัจจุบัน ว่าจะทิ้งพระ เจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมารได้ทรงอันเชิญพระบรมสารีริกาตุไป บรรจุพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชประมาณ พ.ศ. 854 และหรือพระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชซึ่งได้รับเขี้ยวแก้วเบื้องซ้าย และทินธาตุจากประเทศอินเดียซึ่งเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าฟ้าชายทนทกุมารได้ ทรงอัญเชิญเมื่อประมาณ พ.ศ.850 ได้ก่อพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่หาดทรายแก้ว นครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ.854 ซึ่งสอดคล้องกับพระธาตุเจดีย์วัดจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ สรุปความว่า ชื่อของวัดจะทิ้งพระ สทิงพระ สทิงปุระ สทิงปุระ สทิงพาราณสี มีแนวทางสันนิษฐานได้ 3 ประเด็น คือ ประการแรก จะทิ้งพระ กร่อนมาจากคำว่าสทิงพระ สทิงปุระ หรือสทิงพาราณศรี เป็นชื่อเมืองโบราณ เป็นเมืองสองฝั่งทะเล ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนเป็นแหล่งเกิดเมืองสอง เมืองคือ เมืองพัทลุง และเมืองสงขลา ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอสทิงพระในปัจจุบัน ทำนองเดียวกับเมืองสงขลากร่อนมาจากสิงหราบ้างแปลว่าเมืองสิงห์ กร่อนมาจากสิงขรวึ่งแปลว่าภุเขาบ้าง ประการที่สอง คนในสมัยโบราณเล่าต่อๆกันมาว่าเจ้าฟ้าหญิงเหมชาลาซึ่งพูดกับเจ้าฟ้าชายทนทกุมารน้องชายว่า น้องจะทิ้งพรธาตุเสียแล้วหรือมานับเป็นชื่อของสถานที่ วัด บ้าน อำเภอ ในปัจจุบันและพระยากรงทอง เจ้าเมืองพัทลุงเก่า ได้สร้างพระบรมธาตุเจดียืครอบไว้ ประการที่สาม พระราชวิจารณ์ของพระปิยะมหาราชรั๙กาลที่ 5 ในพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ในกรุงเทพฯมหานครเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2434 ว่า จะทิ้งพระ กร่อนมาจากคำว่า จันทิพระ ตามสำเนียง - ชาวนอก ซึ่งเป็นชื่อของวัดมหายานในเกาะชวา(ประเทศอินโดนีเซีย) เมื่อครั้งเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ เสด็จวัดจะทิ้งพระ วันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2434 และวัดจะทิ้งพระสมัยก่อนมี 2 วัด อยู่คนละฟากถนน วัดจะทิ้งพระอยู่ทางด้านตะวันตก มีพระครูวินัยธรรมเป็นหัววัดหมื่นธรรมเจดีย์เป็นนายเพณี มีข้าพระ 5 หัวงาน วัดพระมหาธาตุอยู่ด้านตะวันออก มีพระเจดีย์องค์ใหญ่มีพระครูอมฤตย์ศิริวัดธนธาตุหัวหน้าคณะชุมนุมรักษาพระมหาธาตุ ขุนธรรมพยาบาลเป็นนายเพณี มีข้าพระ 5 หัวงานและหรือวัดจะทิ้งพระ พระครูวินัยธรรม เป็นหัววัด หมื่นธรรมเจดีย์เป็นนายเพณี มีข้าพระ 5 หัวงาน นางจันหอม หัวงาน 1 นางศรีบุตร หัวงาน1 นางยอดหัวงาน 1 นางไกรหัวงาน1 นางอินหัวงาน1 วัดพระมหาธาตุ พระเจดีย์พระเจ้าองค์ใหญ่พระครูอมฤตย์ศิริวัฒนธนธาตุ หัวหน้าคณะชุมนุมรักษาพราตุ ขุนธรรมพยาบาลเป็นนายเพณี มีข้าพระ 5 หัวงาน นางแกนทอง หัวงาน 1 นางยก หัวงาน 1 นางยอด หัวงาน 1 นางสร้อย หัวงาน 1 นางแผดงยศ หัวงาน 1 ปัจจุบัน รวมเป็นวัดจะทิ้งพระ จุดเด่นพระธาตุองค์ใหญ่เรียกว่าพระมหาธาตุเจดีย์ ที่ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นที่เคารพสักการะ ของพระพุทธศาสนิกชนแตะละปีมีการแห่ผ้าขึ้นห่อหุ้มพระธาตุเจดีย์เป็นพุทธบูชา และเป็นปูชนียสถานสำคัญ คู่บ้านคู่เมืองชาวสทิงพระตลอดมา พระบรมธาตุเจดีย์วัดจะทิ้งพระ ประมาณว่าได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยศรีวิชัยคือประมาณปี พ.ศ. 1300 ตามลัทธิพุทธศาสนานิกายมหายานลักษณะของสถาปัตยกรรมสมัยศรีวิชัย คือทำเป็นมณฑปสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป ส่วนยอดทำเป็นสถูปมีเจดีย์บริวาร 4 มุม ครั้นต่อมาสมัยศรีวิชัยตอนปลาย ประมาณ พ.ศ.1700 พุทธศาสนานิกายมหายานมีความรุ่งเรืองมากในประเทศลังกาพระธาตุเจดีย์จึง เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นรูประฆังคว่ำ ฐานของพระบรมธาตุเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสโบราณสถานที่เก่าแก่เช่นพระธาตุ เจดีย์วัดจะทิ้งพระนี้ มีค่าควรแก่การอนุรักษ์ เช่นเดียวกับการทีพระศาสนาที่จะต้องมีปูชนียสถาน สำหรับการเคารพบูชาเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวพุทธศาสนิกชนโดย ทั่วไปโดยเฉพาะที่ยุดประชาชนกำลังรู้สึกสับสนวุ่นวายทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และทางพุทธศาสนาอย่างในปัจจุบัน จึงขอจงช่วยกันทำนุบำรุงรักษาต่อไปให้คงอยู่ชั่วลูกกชั่วหลาน ที่มา :::: http://www./travel/songkhla/jathingpra-temple.php หัวข้อ: Re: มันมีจริงๆ เหรอครับ เริ่มหัวข้อโดย: แฮมโคราชา ที่ 08 ตุลาคม 2011, 12:02:28 ได้ความรู้อีกเยอะเลยครับ สิ่งที่คิดว่าไม่น่ามี ก็มีให้เห็นแล้ว Webmaster Earn Money! By Affiliate Program 100% Pay www.samuismile.com |