HAMSIAM.COM # NO.1 HAM COMMUNITY OF THAILAND

สายอากาศแบบคอลิเนี่ย ที่ใช้วิธีการกลับเฟสแทนการใช้สายเฟส ตามภาพ เป็นลักษณะทางโครงสร้าง ที่ออกแบบไว้ ครับ ส่วนรายละเอียดจะลงให้เป็นระยะครับ ข้อดีคือเป็นสายอากาศที่ ลงทุนต่ำ แสตกด้วยการต่อความยาวไปเรื่อยๆ แต่สัญญาณก็จะอ่อนลงเรื่อยๆ ครับ เมื่อถึงปลายของวิปด้านที่ไกลออกไป การแพร่กระจายคลื่นค่อนข้างดีพอใช้ ครับ ลองดูจากแนวคิดเบื้องต้นตามภาพครับ(http://upic.me/i/75/mygv9.jpg) (http://upic.me/show/42749818)

(http://upic.me/i/pv/wx9g2.jpg) (http://upic.me/show/42750289)


สายอากาศชุดแรกที่ต้องทำ คือไดโพล โดยใช้ บาลัน 4:1 เป็นตัวแบ่งสัญญาณ หลังจากนั้น ทำ U สตับ(ขออนุญาตแก้ไขตัวเลขครับ จาก 28CM เป็น 24 CM ครับ) เพื่อกลับเฟส ให้กับวิปท่อนต่อไป ทำต่อแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ไม่ควรเกินข้างละสามชั้น ก็เท่ากับเราได้สายอากาศไดโพลแบบ 6 แสตก โดยไม่ต้องใช้สายเฟส สมปราถนาครับ ส่วนขาจับ ต้องเป็นฉนวนครับ อาจใช้ข้อต่อ 3 ทางของ ท่อน้ำ และขาควรเป็นอลูมีเนียม เพื่อไว้สำหรับลงกราวด์

โดยปกติถ้าเราคิดอัตราขยายในอากาศ 1 ชั้นจะได้ค่า 3 db , 2 ชั้น 6db แต่ในความเป็นจริง เมื่อหักการสูญเสียแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 4.5db หากเรานำมาต่อกัน เป็น 4 แสตก เราจะได้อัตราขยายที่ประมาณ 7.5 dbd (เรื่องของอัตราขยายมีความเข้าใจผิดอยู่พอสมควร ระหว่าง dbi กับ dbd แต่ในที่นี้ไม่ขออธิบายครับ ขอใช้ dbd ครับ) แต่สิ่งที่ได้นอกเหนือจากอัตราขยาย คือ ฟร้อนทูแบ็คเรดิโอครับ คืออัตราขยายด้านหน้าต่อด้านหลัง หมายความว่าการแพร่กระจายคลื่นเป็นกึ่งทิศทางเพราะเกิดจาก เสาทาวเวอร์ของเราเป็น รีแฟคเตอร์ ทำให้เกิดการกระจายคลื่นแบบกึ่งทิศทาง คือด้านหน้าจะมีอัตราขยายสูงกว่าด้านข้างและด้านหลัง เหมือนโฟนเด็ดไดโพลครับ

ชอบครับ. แม้งงๆครับ

หากท่านที่สนใจลองทำเล่นดูครับ ลงทุนไม่เยอะ แค่หลักร้อย เราก็ได้สายอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงอีกต้นไว้ใช้งานและไม่ได้ด้อยไปกว่าสายอากาศชนิดอื่นเลยครับ ยิ่งเมื่อเทียบต้นทุนการผลิตยิ่งถูกกว่าหลายเท่า อย่างที่เคยบอกไว้ครับ ว่ายี่ห้อของสายอากาศมีผลไม่มาก อาจแตกต่างที่วัสดุ แต่ทีสำคัญกว่าคือการออกแบบครับ และการเข้าใจหลักการแพร่กระจายคลื่นของสายอากาศ การหาวิธีการปล่อยพลังงาน ท่านที่ทำแล้วประสบปัญหาโพสถามได้เลยครับ เพราะท่านอื่นจะได้ความรู้ด้วยครับ

(http://upic.me/i/3o/21to3.jpg) (http://upic.me/show/42751536)


แสดงการแม็ช ด้วย U สตัป และบาลัน 4:1 ใช้วิธีการเลื่อนเข้า หรือออกเพื่อหาค่า SWR  ส่วน บาลัน ใช้สาย RG58 ยาว 1/4 แลมด้า ครับ U สตัป ใช้ลวดอลูมิเนียมขนาด หุ้นครึ่ง(เท่าไม้แขวนเสื้อ) ยาว 1/4 แลมด้า ดัดดังรูปครับ แล้วใช้ลูกเต๋าต่อสายไฟเป็นตัวยึดสายนำสัญญาณ

ใส่บาลัน4:1 เพื่ออะไรครับ สายอากาศมีอิมพีแดน เท่าไร

ใส่บาลัน 4:1 เพื่อกลับเฟสครับ ลักษณะเดียวกับการทำสายอากาศไดโพลครับ

 เขียนแบบให้ทำง่ายๆแบบตัวอย่างนี้ได้มั๊ยครับ
บอกความยาว ใช้วัสดุอะไร เอาแบบคนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ทำได้ครับ
ไม่ต้องมานั่งคำนวนใหม่(คำนวนไม่เป็นครับ แต่อยากลองทำเล่นๆดู)
(http://upic.me/i/hj/coliner1stack1.jpg) (http://upic.me/show/42966497)

กว่าสัญญาณที่ป้อนเข้าไปจะไปถึงปลายบนคงเหนื่อยน่าดูถ้าต่อกันหลายชั้น ความยาว 128 cm มันคือ 5/8 แลมด้า ท่อนบนสุดน่าจะลดขนาดความยาวดีกว่ามั้ยครับสัญญาณจะได้ออกไปพร้อมๆกัน(เดาเอา ;D) วิธีแมทที่ง่ายที่สุดก็น่าจะเป็นแบบตัว J ใช่มั้ยครับ

คำนี้อ่านออกเสียงว่าอย่างไรครับ Ratio ยกตัวอย่างเช่น Voltage standing wave ratio

ครับ ไว้จะเขียนรายละเอียดให้อีกทีครับ สายอากาศแนวนี้ ต้องอาศัยประสบการณ์ด้วยครับ ถ้าหากคนที่ยังไม่เคยทำใช้เลย ผมแนะนำให้หัดทำ ควอเตอร์เวฟ เสาสไลด์เล่นก่อน แล้วค่อยขยับมาเป็น 5/8 2 ชั้น แล้วขยับไปเรื่อยๆ เพราะการทำสายอากาศมันจะสอนเราไปเรื่อยๆ แล้วเราก็จะถึงบางอ้อครับ

อ่านออกเสียว่า "เรโช" ครับ ซึ่งเป็นอัตราส่วนระหว่างแนวตั้งและแนวนอน เราจะพบเห็นบ่อยในเครื่องเสียงกลางแจ้งพวกคอมเพรสเซอร์ จะมีคำนี้ครับ

นำไปทดลองได้ครับ จริงๆ ก็ควรจะลดความยาวอีลีเม้นตามสัดส่วนครับ ส่วน J แม็ต ทำได้ครับแต่ต่อความยาวได้ด้านเดียว ถ้าเป็น U สตัฟ จะต่อความยาวได้ทั้ง 2 ด้าน และเป็นเฟสเดียวกันทั้ง 2 ด้าน เราต้องการเฟส + เพื่อแพร่กระจายคลื่น แต่เราต้องการเก็บเฟส - เพื่อลดความยาวของสายอากาศลง ถ้าเราไม่ลดเฟส - สายอากาศของเราจะยาวเป็น 2 เท่าครับ

รูปไม่แสดงขอลบความเห็นออกครับ