HAMSIAM.COM # NO.1 HAM COMMUNITY OF THAILAND

เห็นกระทู้แวปๆพูดถึง Mic-E : En route เราลองมาฟังเสียงความแตกต่างระหว่าง Packet ที่เข้ารหัส (Mic-E:enabled)

กับ Packet ที่ไม่ได้เข้ารหัส (Mic-E:disable) ประโยชน์ของการส่ง Packet แบบนี้น่าจะเป็นการส่งที่สั้นแต่ยังคงได้ใจความ

ครบถ้วนส่งไปถึงสถานีรับที่ทำให้โอกาสของสถานีรับ iGate มีโอกาสประสพความสำเร็จในการรับ Packet มากขึ้นและช่วย

ลดภาระไม่ให้ความถี่หนาแน่นได้อีกทาง

                    http://www.youtube.com/watch?v=hafvujGt1nc

                    (http://upic.me/i/s3/e27fbi7-7.png) (http://upic.me/show/39803855)

                    (http://upic.me/i/5b/e27fbi7-8.png) (http://upic.me/show/39803860)

วันนี้เพิ่งได้ลองวิ่งทดสอบสดๆร้อนๆ Mic-E:Enroute

 
เสียงแพ็คเกตสั้นกว่าจริงด้วย...

แต่เจ้าเครื่องที่หน้าจอเขียวๆ มันเป็นเครื่องอะไรครับ ท่านเล่นถ่ายภาพเวลากลางคืนเลยเห็นแต่จอ...
 

YAG Tracker ครับท่าน ของใหม่สำหรับเราๆ แต่คงใกล้จะเก่าแล้วสำหรับพี่ FBI เค้า (ทิ้งๆมาทางนี้บ้างก็ได้ครับ ;D)


ทีแรกนั่งคิดๆเอาเองเข้าใจว่าเสียงสั้นลง แล้วต้องมาเปลี่ยนอะไรสถานีรับกันหรือเปล่า สรุปใช้งานได้เหมือน Track ปกติเลยแฮะ  :)

เครื่องที่เอามาทดสอบนี้คือ Yag Tracker ครับอาจารย์ ต้องการเน้นให้ฟังเสียงครับเลยถ่ายให้เห็นแต่จอครับ

http://www.youtube.com/watch?v=4253kzJm6hc

เสียงสั้นกว่าที่เราเคยได้ยินครับ วิศวกรที่เค้าคิดค้นระบบนี้ขึ้นมาคงจะเหมือนที่เวลาเรา Zip ไฟล์ให้มีขนาดเล็กลง

ระยะเวลาในการส่ง Packet สั้นๆเพียงเสี๊ยววินาทีต่างกันนิดเดียวบนความถี่ถือว่ามีผลมาก ยิ่งสั้น(แต่ใจความยังครบถ้วน)

ทำให้มีโอกาสรอด(ในสถานะการณ์ที่ทุกวันนี้มีแต่ความโหดร้าย) ถ้า Packet ยาวๆยิ่งมีโอกาสโดนเบียด โดนตัดคีย์

มากขึ้นเท่านั้นและยิ่งสั้นๆก็ยิ่งส่งได้ไกลขึ้นด้วยเพราะโอกาสที่จะโดนรบกวนน้อยลง

สถานีไอเกทก็ยังรับได้ปกติ จอที่ต่อรับก็แสดงผลได้ข้อความครบถ้วนสมบูรณ์ดี ยังไม่เคยเจอปัญหา แต่ก็มีเหมือนกันบางคนไม่

เข้าใจว่ามันคืออะไร เพราะฉะนั้นเวลาได้ยินเสียง Mic-E : En route มาแต่ไกลๆอย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็น Packet ที่พิกลพิการนะคร๊าบบบ 8)

สงสัย FTM-350 แถว ๆ นี้ต้องลอง Mic-E : En route บ้างแล้วเพื่อให้เข้ากับสถานะการณ์ตอนนี้ :D

ค่าย yaesu บังคับใช้เข้ารหัสแบบ Mic-E น่าจะทุกรุ่น ปรับเองไม่ได้ ดังนั้นถ้าได้ยินเสียงของ HS5TQA-10 และ HS5TQA-7 แล้วละก็ มันคือเสียงของ Mic-E ยิงสั้นๆเลยซอยเร็วๆได้

FTM-350 รุ่นนี้สำหรับคอ APRS โดยเฉพาะเลย สวยโดนใจ ...

มันเป็นสองย่านบ้านเรายังปิดอยู่ ... เครื่องจอสวยๆแบบนี้ ถ้ามีก็อยากติดหน้ารถ มันจะมีปัญหาอะไรมั้ยครับเวลาโดนโบก  :-X (เส้นมิตรภาพเจอบ่อย :-\)

สวยครับ....น่าอิจฉาคนมีเล่นส่วนอันนี้ไม่ใช่ของผมนะครับของเพื่อนนักวิทยุ

(http://upic.me/i/cp/yaesuftm-350-2.png) (http://upic.me/show/34611269)

ถ้าโดนตำรวจโบกเราก็บอกก้อมๆแก้มๆว่าเป็นเนวิกเกเตอร์เห็นไหมมีทิศบอกด้วย เพราะส่วนมากเราเอาแต่หน้าจอมาโชว์อยู่แล้ว 8)

 

ขอสังเกตุอีกอย่างนึงครับ Unproto ของ Mic-E ก็จะไม่เหมือนทั่วไปผมลองใส่ Mic-E แล้วลองยิง 10 ครั้ง

เสร็จแล้วถอด Mic-E ออกแล้วยิงอีก 10 ครั้ง ผลที่ได้

(http://upic.me/i/5k/p0282.jpg) (http://upic.me/show/39856729)

สนใจจริงผมขอหยิบตัวอย่างมาเปรียบเทียบให้ดูกันชัด ๆ ก็แล้วกันนะครับ
อันแรกนี้ของ Mic-E  ใช้ข้อมูล 13Byte
HS5TQA-10>QS4SV4,WIDE1-1:`l6$l,vv/`"3x}

อันที่สองนี้ของโหมด Compress หรือโหมดบีบอัดข้อมูล ใช้ข้อมูล 22Byte
HS5TQA-9>APNT10,WIDE1-1:!/GRoZgq;GkPLG/A=000095

อันที่สามนี้ของโหมด Normal ใช้ข้อมูลถึง 35Byte
HS5TQA-8>APNT10,WIDE1-1:!1345.31N/10028.16E(357/004/A=000095

จะเห็นว่าโหมด Mic-E จะใช้ข้อมูลน้อยสุด มันเข้ารหัสข้อมูลให้สั่นลงได้กว่าโหมด Compress เพราะมันใช้ส่วนของ Destination Callsign (จากตัวอย่างก็คือตรง QS4SV4) มาใช้เข้ารหัสด้วย มันจึงมีค่าเปลี่ยนไปเรื่อยตามการเข้ารหัสตำแหน่งนั้น ๆ อีกทั้ง Mic-E มีบิทในการส่งสถานะของแทรกเกอร์ออกไปด้วย เช่นเราสามารถกำหนดสถานะฉุกเฉิน EMERGENCY! หรือสถานะอื่น ๆ ออกไปให้ผู้รับรู้ว่าเรานั้นใช้แทรกเกอร์อยู่ในโหมดไหนเป็นต้น

ขอลอง บ้าง ใช้  BYONICS  ทดสอบ  ;D ;D ;D

l6$l,vv/`"3x}นี่แหละครับที่มาของภาษาต่างดาวที่มีคนไม่รู้ว่ามันคืออะไร? หาว่าเกิดจากการคอนฟิกซ์ไม่สมบูรณ์

ต้องขอบคุณพี่ HS5TQA มากเลยครับที่มาให้ข้อมูลความรู้ที่สงสัยมานานเลยว่ามันจะเปลี่ยนค่าไปเรื่อยๆตามการเข้ารหัส

ของแต่ล่ะตำแหน่งนั้นๆ

 
ถ้าอย่างนั้น อันนี้ก็เปน MIC-E นะซิครับ..

(http://www.thamnong.com/picture/MIC-E_foxtrack_hs9jrn-9.gif)

ผมเล่นมาตั้งนานเพิ่งรู้ว่ามันเป็น MIC-E (มิน่ามันแสดงข้อมูลไม่เหมือนเพื่อนเลย)
เป็น Tacker ของค่าย Foxdelta ครับ ซื้อมาตั้งแต่ปี 2551 หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ

(http://www.thamnong.com/hs9dmc//Tracker/Foxtrak_01.jpg)
 

ประเภทโหมดของการส่งสถานะของ Tracker เพื่อแสดงให้รู้ว่าเราใช้อยู่ในโหมดใดๆ

Mic-E : off-duty
Mic-E : En-route
Mic-E : In-service
Mic-E : Returning
Mic-E : Committed
Mic-E : Special
Mic-E : Priority
Mic-E : Emergency

แล้วในแต่ละโหมด มันมีความแตกต่างอย่างไรครับ..
 

เป็นโหมดที่บ่งบอกถึงการส่งสถานะ Mic-e message ผลในด้านการใช้งานในแต่ละโหมดเท่าที่ลองไม่แตกต่าง จะแตกต่างกัน

ก็ตรงความหมาย และตรง Destination Callsign ในแต่ล่ะโหมดไม่เหมือนกัน ลองยกตัวอย่างมาครบทั้ง 8 โหมดเลยครับ

(http://upic.me/i/de/mic-e-1.png) (http://upic.me/show/41422264) (http://upic.me/i/f1/mic-e-2.png) (http://upic.me/show/41422423)
(http://upic.me/i/x4/mic-e-3.png) (http://upic.me/show/41422569) (http://upic.me/i/91/mic-e-4.png) (http://upic.me/show/41422689)
(http://upic.me/i/z7/mic-e-5.png) (http://upic.me/show/41422712) (http://upic.me/i/kr/mic-e-6.png) (http://upic.me/show/41422826)
(http://upic.me/i/sg/mic-e-7.png) (http://upic.me/show/41422904) (http://upic.me/i/vw/mic-e-8.png) (http://upic.me/show/41422928)

ลองแปลแบบไทยๆ 8)

(http://upic.me/i/lb/mic-e-9.png) (http://upic.me/show/41423218)

 
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว... ขอบคุณท่าน E27FBI ครับ
 

ยังมึนๆอยู่ครับ  ??? ;D

แต่ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่แชร์ข้อมูลนะครับ

ไม่จำเป็นต้องมีหลายโปรไฟล์ เพราะมี mode การแสดงผมอยู่แล้วดีจังเลยครับ

เข้าท่าดีครับ

ขอบคุณพี่ e27fbi ครับ